รายงานผลการดำเนินงานของสหภาพแรงงานฯ กรณีคัดค้านการต่อสัญญา ๒๐ ปี ที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนในโครงการเอกชนร่วมลงทุนปทุมธานี – รังสิต
ภายหลังจากที่สหภาพแรงงานฯ ได้มีหนังสือแจ้งคัดค้านการดำเนินการดังกล่าวต่อผู้ว่าการฯ และประธานกรรมการ กปภ. แต่มิได้รับคำชี้แจงหรือคำยืนยันที่ชัดเจน
ต่อมา ได้มีหนังสือเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหนังสือกราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ตามลำดับ เพื่อให้ท่านพิจารณาดำเนินการระงับยับยั้งกระบวนการดังกล่าว
ต่อมา เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ สหภาพแรงงานได้ร้องเรียนถึงประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ ร้องเรียนถึงประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) และฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง
สหภาพแรงงานฯ ขอเรียนยืนยันว่า จะใช้ความพยายามและทุกศักยภาพที่มี ในการคัดค้านเพื่อมิให้มีการต่อขยายสัญญา ๒๐ ปี โดยเพิ่มขยายปริมาณการซื้อน้ำจากเอกชน
มากกว่า ๕๓๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือ “ไม่จำกัดปริมาณการซื้อ-ขาย” เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนผูกขาดเพียงรายเดียว ปิดกั้นโอกาสมิให้ กปภ. ได้รับโอนทรัพย์สินมูลค่า ๑,๒๐๐ ล้านบาทในวันสิ้นสุดสัญญา ณ วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๖ และส่งผลให้ กปภ. สูญเสียประโยชน์ทางผลกำไรสูงถึง ๑๔,๔๐๐ ล้านบาท โดยเปรียบเทียบกับกรณีที่ กปภ. เป็นผู้ดำเนินกิจการเอง
ขอให้สมาชิกสหภาพแรงงาน พนักงาน และผู้บริหาร ที่รักและห่วงใยในองค์ เฝ้าระวัง และติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด สหภาพแรงงานฯ จะรายงานผลการดำเนินงานต่าง ๆ ในลำดับต่อไป